วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

หนี
ร่างกายเป็นแหล่งสะสม     สารพิษ
จิตใจเป็นแหล่งหมักหมม     ทุกข์ สุข
สังคม การเมือง ซับซ้อน     ซ่อนใจ
ที่ไหนบ้างไม่มีสิ่งเหล่านี้     ข้าฯ จะไป
ธรรมชาติ-มนุษย์

ในการดำเนินไปของสรรพสิ่งและมวลมนุษย์นั้น
ย่อมมีการเหลื่อมล้ำกันบ้าง
ระหว่างความดื้อรั้นของมนุษย์
กับความโหดร้ายของธรรมชาติ
อย่างไหนจะทรงอานุภาพมากกว่ากัน
ไม่มีใครรู้....ไม่มีใครรู้

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

หนทาง สวนทาง
เดินตามรอยถนนสายเก่า
ย้อนกลับมาบ้านเกิด
รอยเท้าเมื่อครั้งเก่าก่อน
ถูกกลบทับไว้ใต้ถนนคอนกรีต
เดินสวนทางกับลูกศรชี้ทางเข้าเมือง
สวนทางกับหนุ่มสาว
ผู้ซึ่งหอบสิ่งของ...และรอยยิ้ม
เขามุ่งหน้าไป
ข้าฯมิทันกล่าวอะไรกับพวกเขา
เพราะข้าฯมุ่งหน้ากลับบ้าน
และดูเหมือนพวกเขาก็เร่งรีบเหลือเกิน
แต่ข้าฯไม่รีบร้อน
หัวใจ ท้องฟ้า
หากชีวิตคนเราเปรียบดังเช่น         ท้องฟ้า
ก็ขอจงทำหัวใจให้กว้างเฉกเช่น       แผ่นฟ้า
ยอมรับความหม่นหมองมืดมัวของ    เมฆฝน
โอบรับความมืดมิดจากหัตถ์ของ        ราตรีกาล
จงอดทนอยู่อย่างสงบเพื่อรอคอย       แสงตะวัน
                                 ไม่วันนี้  วันหน้า  หรือวันหนึ่งซึ่ง          ความงดงาม
       จะเป็นของผู้มีหัวจิตหัวใจที่             กว้าง แกร่ง
เท่านั้น............
สักพัก สักครู่
หยุดฝันถึงอุดมการณ์ไว้สักครู่
หยุดทำหน้าเคร่งขรึมซะที
หยุดพูดถึงวิชาการสักพัก
เลิกความคิดจะสร้างสรรค์โลกไว้ก่อน
แล้ว....จงนั่งล้อมวงกันไว้  ชูแก้วขึ้นดื่ม  พร้อม ๆ กัน
แล้ว...พูดถึงสิ่งลามก  อุบาทว์หยาบโลน  ไร้สาระ
คุณจะดื่มสักกี่แก้วก็ได้  พูดอะไรก็ได้  ให้เหมือนคนเสียสติยิ่งดี
......
สักครู่...สักพัก
ในรอยร้าว
ขอเธอจงมองตึกสูง...นั้นสิ
เธอจะเห็นรอยร้าว
และขอเธอเพ่งไปในรอยร้าว...นั่นสิ
เธอเห็นอะไร ?
เด็กน้อยหน้าตามอมแมม
แววตาของผู้ยากไร้
บทเพลงของชายตาบอด
และบางที...เห็นตัวเธอเอง

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ความจริงต้องไม่มีความขัดแย้ง

เราเรียกร้องความสมานฉันท์บนสังคมประชาธิปไตย ได้อย่างไรกัน
เมื่อประชาธิปไตย คือสังคมที่แบ่งแยกแบ่งพวก
                        เสียงข้างมากคือผู้ชนะ  เป็นผู้กำหนดเงื่อนไขทางสังคม                                        

เราเรียกร้องความยั่งยืนในโลกของทุนนิยม ได้อย่างไรกัน
เมื่อทุนนิยม คือตัวการที่ทำให้คนรวยกับคนจนถ่างห่างกันออกไปทุกที
เงินตรามากกว่า มีโอกาสครอบครองปัจจัยการผลิตและเข้าถึงทรัพยากรได้มากกว่า

ฉะนั้นทั้งประชาธิปไตยและทุนนิยมจึงควรอยู่กันคนละโลกกับความสมานฉันท์และความยั่งยืน
หากมีผู้ใดกล่าวว่ามันอยู่ด้วยกันได้ 
มันผู้นั้นปลิ้นปล้อนคบไม่ได้

เพราะโลกจะยั่งยืนได้ ต้องอาศัยความสมานฉันท์
และสังคมที่เท่าเทียมเท่านั้น ที่จะสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น
และความสมานฉันท์จะเป็นแสงประกายสู่ความยั่งยืน
และมันคือความจริง
.........................................................................